วิธีปลดหนี้ แนวความคิดในการปลดหนี้สิน การปลดหนี้ การปลดหนี้สิน การปลดหนี้บัตรเครดิต ออมเงิน ออมทอง
Popular Posts
-
คาถา สวดมนต์กราบพระทุกวัน ก่อนออกจากบ้าน เพื่อให้เป็นศิริมงคล แก่ตน ตื่นแต่เช้า สวดมนต์ประจำวัน อานิสงส์ คือ สมาธิแน่วแน่ สติมั่นคงจิตใจบริส...
-
ขั้นตอนที 1. วางแผนด้วยการจัดลำดับของหนี้บัตรเครดิ ต โดยการเขียน ลำดับของหนี้บัตรเครดิต อีกครั้งหนึ่ง แต่ให้เรียงจากอัตราดอกเบี้ยสูงที...
-
หนี้สิน เป็นคำที่กล่าวขานกันโดยทั่วๆไป และถือว่าเป็นปัญหาหนึ่งของชีวิต คนยากจน แต่อย่างไรก็ตาม คำตอบในการปลด หนี้สิน นี้ ไม่ใช่ เรื่องง่ายนั...
-
เป็นวิธีปลดหนี้สินได้ดีที่สุด แต่จะทำได้ยากที่สุด แต่จะต้องพยายามทำให้ได้ โดยวิธีคิด จะใช้หลักคิดของนักธุรกิจไทย เชื้อสายจีน ที่มีแนวความคิด...
-
ขั้นตอนที่ 5 มีความมุ่งมั่นมั่นคงในหลักการ ไม่ท้อถอย ไม่ก่อหนี้เพิ่ม โดย เริ่มต้น จาก 1.แยกแยะ หนี้สิน ที่ปลอดภัย และไม่ปลอดภัยออกจากกัน หนี...
-
หวนคิดถึงบทกลอนที่ไพเราะและทรงคุณค่าอย่างมากเมื่อครั้งเป็นเด็ก ว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรร...
-
ลำดับที่ 2 พิจารณาหนี้ที่ไม่ดีก่อน ทำการรวมยอดหนี้ทั้งหมด ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย ในรอบปี ถัดมาคำนวณรายได้ประจำปีหลังหักภาษีแล้ว สุดท้ายนำมา...
-
ขั้นตอนที่ 3 จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกประเภท ทุกชนิด จากทุกคนในครอบครัว หรือ ที่เราเรียกว่า การบริหารงบประมาณนั้นเอง เมื่อจัดทำรายรับรายจ...
-
การปลดหนี้สิน หรือ หนี้สิน การปลดหนี้สิน หรือ หนี้สิน การปลด หนื้สิน จาก การมีหนี้สินติดตัวไม่ใช่ปัญหาของการออมเงิน ถ้าเรามีหนี้สินนอกระบบก...
-
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ทองคำ มีค่า เหนือกว่าโลหะอื่นๆ เนื่องจาก มีความมันวาว งดงามเป็นไปตามธรรมชาติ หายากทำให้มีราคาแพง คงทนไม่ขึ้นสนิ...
Thursday, March 13, 2008
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
การปลดหนี้สิน หนี้สิน การปลดหนี้สิน หนี้สิน การปลดหนี้สิน หนี้สิน การปลดหนี้สิน หนี้สิน การปลดหนี้สิน
วิธีหนึ่งที่ใช้ แก้ปัญหา หนี้สิน คือ การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ผู้เขียนมักได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ทางด้านการเงินว่า คนรวยทุกคน จะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน หมายความว่า เมื่อเราต้องการสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง คนรวยจะไม่ซื้อทันทีทันใด แต่จะเก็บเงินไว้ ประมาณ 2 เท่า ของราคาสินค้านั้น แล้วจึงตัดสินใจซื้อ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เรามีเงินเหลือ และไม่ก่อหนี้สินขึ้นมา
หรือ อีกวิธีหนึ่งคือ เก็บเงินเอาไว้ให้พอใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า สมมติว่า ถ้าเรามีรายจ่ายแต่ละปี เท่ากับ 100,000 บาท เราควรจะมีเงินเก็บสำรองไว้ อีก อย่างน้อย 200,000 บาท
link :http://www.oknation.net/blog/surasakc/2008/03/14/entry-1
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment